ติดต่อเรา

นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ปริมาณขยะพลาสติกกลับเพิ่มขึ้นจำนวนมาก


นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ปริมาณขยะพลาสติกกลับเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ทั้งนั้น จากรายงานของสถาบันพลาสติกที่เปิดเผยภายในงานเสวนาออนไลน์เรื่อง “ขยะพลาสติก : การจัดการและโอกาส Post COVID-19” เมื่อไม่นานผ่านมา

ซึ่งจัดโดยโครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติก และขยะอย่างยั่งยืน (Public Private Partnership for Sustainable Plastic and Waste Management : (PPP Plastics) ระบุว่าแม้ธุรกิจดีลิเวอรี่จะเติบโตสูงขึ้นถึง 78-84% แต่กลับส่งผลทำให้ธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์พลาสติกเติบโตขึ้นไปด้วย จากปกติแต่ละปีเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5% แต่ปี 2563 กลับเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 9%

ขยะพลาสติกจากโควิด

ผลเช่นนี้ จึงทำให้เกิดหลายมุมมองความคิดภายในงานเสวนา โดยเฉพาะ “วีระ ขวัญเลิศจิตต์” ผู้อำนวยการสถาบันพลาสติกที่กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าการใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มอลทำให้พลาสติกมีความจำเป็นสำหรับปัจจัยพื้นฐานเพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นถุงมือ, ขวดใส่เจลล้างมือ, บรรจุภัณฑ์อาหาร อีกทั้งยังถูกนำมาผลิตเป็นอุปกรณ์การแพทย์สำหรับป้องกันโรคมากขึ้น เช่น ชุด PPE, หน้ากาก N95, face shield, PVC boot และเข็มฉีดยา

“กรณีของเข็มฉีดยาที่วัสดุทำมาจากพลาสติก ถ้าไทยวางเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กับประชากร 50 ล้านคน คนละ 2 โดส เท่ากับว่าต้องมีเข็มฉีดยา 100 ล้านเข็ม แน่นอนว่าปริมาณขยะพลาสติกจะเพิ่มขึ้นด้วย”

ใช้ประโยชน์จากขยะ 100%

ขณะที่ “อรรถพล เจริญชันษา” อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวเสริมว่า โดยเฉลี่ยแต่ละปีเรามีขยะพลาสติกอยู่ประมาณ 2 ล้านตันต่อปี และเมื่อต้นปี 2563 มีการรณรงค์ลดใช้พลาสติก ประชาชนก็ได้ให้ความสนใจ และหันมาใช้ถุงผ้ากันมากขึ้น

“แต่ทำได้ไม่นานก็เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้พลาสติกลดลงไม่ถึง 10% ทั้งยังพบว่ามีปริมาณเพิ่มขึ้นอีก 40% โดยเฉลี่ยประมาณ 134 กรัม/คน/วัน (ข้อมูลมกราคม-ธันวาคม 2563) รวมถึงการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่ช่วงเมษายน 2564 จนถึงตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 45% เฉลี่ยประมาณ 139 กรัม/คน/วัน และคาดว่าอาจจะมากกว่าเดิม เนื่องจากความจำเป็นในการใช้พลาสติก”

“อรรถพล” กล่าวต่อว่า ภาครัฐวางโรดแมปการจัดการขยะพลาสติกในปี 2561-2573 โดยเป้าหมายแรกคือเลิกใช้ขยะพลาสติก 4 ชนิดในปี 2565 คือถุงพลาสติกหูหิ้วแบบบาง, กล่องโฟม, แก้วพลาสติก, หลอดพลาสติก โดยสิ่งที่ทำได้คือสามารถลดกล่องโฟมได้มากถึง 70-80%

ส่วนเป้าหมายที่ 2 ภายในปี 2565 ต้องนำขยะพลาสติก 7 ชนิด ได้แก่ ถุงพลาสติก, ถาดหรือกล่องอาหาร, ฝาขวด, ช้อนส้อมมีดพลาสติก, บรรจุภัณฑ์ฟิล์ม, ขวดพลาสติก และแก้วพลาสติกแบบหนา กลับมาใช้ใหม่ให้ได้ 50% หรือประมาณเกือบ 7 แสนตัน และคาดว่าจะนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 100% ในปี 2573

“ทั้งนี้สถานการณ์ปัจจุบันนับเป็นความท้าทายอย่างยิ่งว่าจะสามารถดำเนินได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เนื่องจากจะต้องมีการวางแผนเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการหลังโควิด-19 คลี่คลาย ที่สำคัญ เรายังมีเป้าหมายด้วยว่าในปี 2565 จะเริ่มดำเนินการลดการนำเข้าเศษพลาสติกประมาณ 20% หรือประมาณ 2 แสนตัน และคาดว่าจะห้ามนำเข้าเศษพลาสติก 100% ในวันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป ซึ่งจะต้องทำการหารือกับผู้ประกอบการที่นำเข้าเศษพลาสติกด้วย”

ระวังขยะหลุดรอด 700 ล้านตัน

สำหรับ “ดร.วิจารย์ สิมาฉายา” ประธาน PPP Plastics กล่าวว่าตอนนี้มีการคาดการณ์ว่าภายในอีก 20 ปีข้างหน้าทั่วโลกจะมีขยะหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมมากถึง 700 ล้านตัน โดยวิธีการแก้ไขปัญหาดีที่สุด คือการลดขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งทุกภาคส่วนต้องร่วมบูรณาการความร่วมมือกันในการลดการใช้งานพลาสติกที่ไม่จําเป็น

ที่สำคัญ ประชาชนจะต้องมีการคัดแยกขยะ และทำให้พลาสติกที่ใช้แล้วสะอาดเพื่อนำไปสู่หลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ตามวาระแห่งชาติต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ด้วยการนำมาปรับใช้ในการจัดการขยะพลาสติกอย่างเป็นระบบและครบวงจร

เนสท์เล่จี้ภาครัฐมุ่งสู่ CE

ในส่วนชภาคเอกชนต่อการขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน “นภดล ศิวะบุตร” ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า นโยบายการผลิตของเนสท์เล่ทั่วโลก คือบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดจะต้องรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2568 ซึ่งในส่วนของเนสท์เล่ ประเทศไทยดำเนินการไปแล้วเกือบ 90% และคาดว่าจะได้ 100% ภายในสิ้นปี 2565 นอกจากนี้ ยังมีนโยบายลดใช้พลาสติกใหม่อย่างน้อย 1 ใน 3 ภายในปี 2568

 

แหล่งที่มา : https://www.prachachat.net/csr-hr/news-693624