บทความ: โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล การปรับตัวสู่การผลิตที่ปลอดภัยและยั่งยืน

อุตสาหกรรมผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อการลดการใช้ทรัพยากรน้ำมันดิบเพื่อผลิตพลาสติกใหม่ซึ่งต้องใช้พลังงานและทรัพยากรสูงกว่ามากหลายเท่าตัว นอกจากนี้ ยังเป็นวิธีที่ลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นใหม่และลดปัญหาของหลุมฝังกลบ อย่างไรก็ตาม พบว่าอุตสาหกรรมรีไซเคิลพลาสติกและโรงงานพลาสติกมักมีอุบัติเหตุอย่างการระเบิดและอัคคีภัยบ่อยครั้ง ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของฝุ่น ควัน และมลพิษทางอากาศอื่น ๆ อันเป็นอันตรายต่อสุขภาพต่อชุมชนใกล้เคียงซึ่งเป็นความเสียหายต่อสุขภาพในระยะยาว และอาจถูกลงโทษจากมาตรการที่เข้มงวด

มาตรา 96 แหล่งกำเนิดมลพิษใดก่อให้เกิดหรือเป็นแหล่งกำเนิดของการรั่วไหล หรือแพร่กระจายของมลพิษอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย แก่ชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพอนามัย หรือเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นหรือของรัฐเสียหายด้วยประการใด ๆ เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษนั้นมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหาย...

ดังนั้นการควบคุมความเสี่ยง หรือการลดความเสี่ยงของอุตสาหกรรมเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญ และควรตระหนักในฐานะผู้ผลิตที่มีมาตรฐานในเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) คณะวิจัยเล็งเห็นว่าการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการพัฒนายุทธศาสตร์ประเทศตามหลักเศรษฐกิจโมเดลเศรษฐกิจแบบใหม่ หรือ BCG โมเดล ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม โดยเฉพาะ C ย่อมาจาก Circular economy คือ ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่คำนึงถึงการนำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และ G ย่อมาจาก Green economy คือ ระบบเศรษฐกิจสีเขียวซึ่งมุ่งแก้ไขปัญหามลพิษเพื่อลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน จึงได้มีการศึกษาในโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ซึ่งแม้ว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกและรีไซเคิลพลาสติกมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น แต่มักเป็นกิจการขนาดเล็กหรือระดับครัวเรือน ที่มีองค์ความรู้ด้านความปลอดภัยและด้านสิ่งแวดล้อมค่อนข้างน้อยหรือไม่มีเลย บทความนี้เป็นผลการเก็บรวบรวมข้อมูลในเชิงลึกโดยเฉพาะกระบวนการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลชนิด พอลิโพรพิลีน (Polypropylene; PP) และพอลิเอทิลีน (Polyethylene; PE)  และการวิเคราะห์ความเสี่ยงอันเกิดขึ้นต่อผู้ปฏิบัติงานและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การสร้างวิธีการควบคุมและป้องกันที่เหมาะสม

1) การรวบรวมเศษพลาสติก โรงงานทำเม็ดพลาสติกจากเศษพลาสติกเก่าที่ใช้งานแล้ว จะรับซื้อ
เศษพลาสติกตามแหล่งต่าง ๆ เช่น ร้านรับซื้อของเก่า หรือจากโรงงานอุตสาหกรรมอื่น ๆ ซึ่งพลาสติกเหล่านี้มักจะคัดแยกประเภทมาแล้ว เป็นการลดภาระของโรงงานในการคัดแยกพลาสติกอีกครั้ง
2) การคัดแยกประเภทของพลาสติก กรณีที่พลาสติกที่รับซื้อมาไม่ผ่านการคัดแยกมาก่อน 
ทางโรงงานจะทำการคัดแยกพลาสติกตามประเภทที่กล่าวไว้ข้างต้น รวมทั้งคัดแยกสิ่งเจือปนที่ไม่ใช่พลาสติกออกไป บางโรงงานอาจทำการคัดแยกตามสีของพลาสติกด้วย
3) การล้างทำความสะอาดเศษพลาสติก เป็นการล้างทำความสะอาดเศษพลาสติกเก่า เพื่อชะล้าง
สิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อาจติดอยู่บนเศษพลาสติก เนื่องจากสิ่งสกปรกเหล่านี้จะทำให้คุณภาพของเม็ดพลาสติก
รีไซเคิลลดลง ซึ่งในการล้างอาจใช้น้ำธรรมดาเพียงอย่างเดียว หรือใช้ผงซักฟอก โซดาไฟ หรือสารทำความสะอาดชนิดอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของพลาสติกและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนเศษพลาสติก หลังจากล้างเศษพลาสติกแล้ว จะต้องทำให้เศษพลาสติกแห้งก่อนเข้าเครื่องบด โดยนำเข้าเครื่องสลัดแห้ง แล้วนำไปตากกลางแจ้งหรือเป่าด้วยลมร้อน
4) การบดหยาบ และการบดละเอียด หลังจากคัดแยกประเภทของพลาสติกแล้ว ก็จะนำพลาสติกมาเข้าเครื่องบด พลาสติกขนาดใหญ่จะถูกป้อนเข้าสู่เครื่องบดหยาบก่อนที่จะเข้าสู่เครื่องบดละเอียด 
ส่วนพลาสติกขนาดเล็กสามารถป้อนเข้าสู่เครื่องบดละเอียดได้เลย หลังจากผ่านเครื่องบดแล้ว จะได้เกล็ดพลาสติก (Plastic scrap) ซึ่งสามารถนำไปหลอมและรีดเป็นเส้นพลาสติก แผ่นพลาสติก หรือเม็ดพลาสติกต่อไปได้
5) การล้างเกล็ดพลาสติก หลังจากการบดหยาบและบดละเอียดเศษพลาสติกจนได้เกล็ดพลาสติกแล้ว บางโรงงานอาจนำเกล็ดพลาสติกมาเข้าเครื่องล้างอีกครั้ง เพื่อกำจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกอื่น ๆ ออกจากเกล็ดพลาสติก รวมทั้งมีการทำให้เกล็ดพลาสติกแห้งโดยนำเข้าเครื่องสลัดแห้ง แล้วนำไปตากกลางแจ้งหรือเป่าด้วยลมร้อน
6) การหลอม/รีดเกล็ดพลาสติก เป็นการให้ความร้อนกับเกล็ดพลาสติกจนอ่อนตัวเป็นเนื้อเดียวกันแล้วป้อนเข้าสู่เครื่องรีดโดยใช้พลังงานกล ซึ่งจะรีดพลาสติกออกมาเป็นเส้นผ่านน้ำเย็นเพื่อลดอุณหภูมิ แล้วตัดพลาสติกเป็นเม็ดตามขนาดที่ต้องการ โดยกระบวนทั้งหมดแสดงในรูปที่ 1


ขั้นตอนของกระบวนการผลิตที่ได้จากการลงพื้นที่สังเกตการณ์ในสถานประกอบการ เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการรับและเก็บกองวัตถุดิบ การคัดแยกเศษพลาสติก การล้างเศษพลาสติก การบดตัดพลาสติก การหลอมรีด หล่อเย็นและการตัดเม็ด ตลอดจนการจัดเก็บผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก โดยการระบุสิ่งคุกคามที่พบในแต่ละกระบวนการผลิตข้างต้นจะครอบคลุมทุกประเภทภัยคุกคาม ได้แก่ สิ่งคุกคามด้านกายภาพ เช่น เสียง ความร้อน แสงสว่าง ทั้งนี้ ระดับของความเสี่ยงในแต่ละภัยคุกคามแตกต่างกันขึ้นกับโอกาสที่สิ่งคุกคามจะทำให้เกิดอันตราย ความรุนแรงของอันตรายที่จะเกิดขึ้น โดยผลการศึกษามีการเปรียบเทียบกับค่าตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีรายละเอียดดังแสดงในตารางที่ 2

หมายเหตุ 
* ขอสงวนชื่อโรงงาน/สถานประกอบการเป็นข้อมูลลับ
**พอลิโพรพิลีน (Polypropylene; PP), พอลิเอทิลีน (Polyethylene; PE), พอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (High Density Polyethylene; PE), พอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำ (Low Density Polyethylene; LDPE)

(/ หมายถึงผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และX หมายถึง ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน)

รูปที่ 2 การตรวจวัดระดับความเข้มเสียงในพื้นที่ปฏิบัติงานของสถานประกอบการ

ผลการตรวจวัดค่าความเข้มแสงในบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงานของโรงงานต่าง ๆ รายงานตามผลตรวจวัดสภาวะการทำงานเกี่ยวกับแสงสว่างแบบใช้สายตามองเฉพาะจุด (Spot measurement) และผลการตรวจวัดสภาวะการทำงานเกี่ยวกับแสงสว่างแบบพื้นที่ (Area measurement) ตามลำดับ เมื่อเทียบผลการตรวจวัดกับค่ามาตรฐานความเข้มแสงสว่างที่ระบุไว้ในประกาศสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานฯ พ.ศ. 2561 ตั้งแต่ จุดสายพานลำเลียงวัตถุดิบก่อนหลอมและจุดหลอม รีดเป็นเส้น หล่อเย็น และตัดเม็ดพลาสติกพบค่าความเข้มแสงที่ต่ำกว่า 200-300 ลักซ์ ตามที่กำหนดไว้ภายใต้ลักษณะงานหยาบ โดยแสงสว่างแบบเฉพาะจุด ต่ำสุดที่พบคือ 29 ลักซ์ คือ จุดหลอม รีดเป็นเส้นและหล่อเย็น ส่วนแสงสว่างแบบพื้นที่ ต่ำสุดที่พบคือ 22 ลักซ์ คือ บริเวณจัดเก็บผลิตภัณฑ์ ดังรูปที่ 3


ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำตามดัชนีคุณภาพน้ำ ได้แก่ pH, TDS, BOD, COD, Alkalinity และ TOC ในโรงงานที่ 1 จากกระบวนการล้างพลาสติกที่ตัดละเอียดแล้ว และกระบวนการหล่อเย็น แล้วนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลค่ามาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งของโรงงานอุตสาหกรรมตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องกำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงาน พ.ศ. 2560 (กระทรวงอุตสาหกรรม, 2560)

ตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์น้ำล้างและน้ำทิ้งจากกระบวนการล้างพลาสติกจากโรงงานที่ 1

ตารางที่ 5 ผลการวิเคราะห์สารอินทรีย์ที่ตรวจพบในอากาศบริเวณกระบวนการหลอมพลาสติก

สอดคล้องกับผลที่ได้จากน้ำเสียและน้ำหล่อเย็น จากการวิเคราะห์คุณภาพอากาศพบสารอินทรีย์ที่คล้ายกัน แต่พบว่ายังพบสารอันตราย ได้แก่ ฟอร์มัลดีไฮด์ อีกด้วย (ตารางที่ 5) อย่างไรก็ตามผลการศึกษานี้เป็นเพียงการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ จึงไม่สามารถระบุถึงปริมาณได้ นอกจากนี้การรับสัมผัสผ่านการสูดดมสารมลพิษความเข้มข้นต่ำเป็นระยะเวลานาน เช่น เฮกเซน เป็นต้น อาจจะทำให้เกิดการชาที่แขนขา กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตาพร่ามัว ปวดหัว และเมื่อยล้าได้ (EPA, 2016) อันส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพนักงานขณะปฎิบัติงาน จากการศึกษาโรงงานที่หลอม PP และ PE อื่น ๆ พบว่ามีการพบสารอินทรีย์ระเหยได้ชนิดโทลูอีนอีกด้วย (Ansar และคณะ, 2564)

สำหรับแนวทางจัดการความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมรีไซเคิลพลาสติก สามารถสืบค้นได้เพิ่มเติมจากหนังสือคู่มือ “แนวทางปฏิบัติที่ดีด้านการจัดการความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในกิจการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลขนาดเล็กชนิด PE และ PP”

credit : https://ej.eric.chula.ac.th/article/view/338