มูลค่าการส่งออกของไทยเดือนมี.ค. ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 24,222 ล้านดอลลาร์และสูงสุดในรอบ 28 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ย.2561 โดยมีอัตราการขยายตัว 8.47 % เมื่อหักสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกไทยยังขยายตัว 11.97 สะท้อนการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า23,511 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14.12 % เกินดุลการค้า 710.80 ล้านดอลลาร์
การส่งออกไทยขยายตัว 8.47 % สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจคู่ค้าและเศรษฐกิจโลกปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ล่าสุด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ปรับเพิ่มตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 64 ว่าจะขยายตัว 6 %จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 5.5 % เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐและการเร่งแจกจ่ายวัคซีนทั่งโลก รวมทั้งคาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยจะปรับตัวดีขึ้น อาทิ สหรัฐฯขยายตัว 6.4% จีน 8.4% ญี่ปุ่น 3.3% และประเทศในทวีปยุโรป 4.4% นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโลก (Global Manufacturing PMI) ปรับตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 55.0 สะท้อนถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคและความต้องการนำเข้าสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ตลาดส่งออกหลักของไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดหลัก เพิ่มขึ้น 12.3 % โดยตลาดสหรัฐ มีการขยายตัว ขยายตัว 7.2 % เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 โดยสินค้าสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง เหล็กและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศ รถยนต์และส่วนประกอบ รวม 3 เดือนขยายตัว 6.2 % ตลาดสหภาพยุโรป (15) ขยายตัวเพิ่มถึง 32 % จากเดือนก.พ.ที่ขยายตัวเพียง 0.2 % ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าเหล่านี้สูง ส่งผลให้ 3 เดือนแรกตลาดยุโรปขยายตัว 8.5 %
นอกจากนี้ตลาดจีนขยายตัวเร่งขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยขยายตัว 35.4% ตลาดญี่ปุ่น ขยายตัว 4.6 % ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เช่นเดียวกับตลาดออสเตรเลีย ขยายตัว 16.9 % ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และเอเชียใต้ 24.3 % นอกจากนี้ หลายตลาดส่งสัญญาณฟื้นตัว ทั้งตลาด CLMV ตลาดรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ที่กลับมาขยายตัว รวมถึงตะวันออกกลาง (15) และอาเซียน (5) ที่หดตัวน้อยลงจากเดือนก่อนมาก
ADVERTISEMENT
รวมทั้ง สินค้าเกษตรและอาหารที่ยังเติบโตในระดับสูงต่อเนื่อง ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารสัตว์เลี้ยง สำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เตาอบไมโครเวฟ ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้าและส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ โทรศัพท์และอุปกรณ์ และสินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง ยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ส่งผลให้บางประเทศกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์ แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยนายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ระบุว่า การขนส่ง การผลิตยังคงดำเนินต่อไปได้ โดยดูจากาการนำเข้าของไทยในเดือนมี.ค. ที่ขยายตัว 14.12 % ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2ทั้งสินค้าเชื้อเพลิง สินค้าทุน สินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น สะท้อนให้เห็นว่า ภาคการผลิตยังคงดำเนินการผลิตได้ ประกอบกับขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน โดยเฉพาะสหรัฐ และจีน ส่งผลให้มีการนำเข้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามคงต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
Credit : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/934143